เมื่อพูดเรื่องของการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ เรามักไม่เข้าใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จะทำอย่างไรแผนการดังกล่าวจึงจะประสบความสำเร็จได้ และเมื่อพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์นั้น ทำให้เราทราบว่า มีถึงปัจจัยสำคัญอยู่ 8 ประการ ที่มีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน และสามารถแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังภาพประกอบ
Source : (Haarris and Ogbonna,2006)
Fig.1 : Factors associated with the sucessful initiation of strategic planning
1) Mamagement Characteristics : ลักษณะด้านการบริหารจัดการ ประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ
1.1) Long-term Orientation : ว่าด้วยเรื่องของการปรับตัวหรือเตรียมความพร้อมของบริษัท กล่าวคือ ในการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์นั้น บริษัทควรตีกรอบการบริหารจัดการว่าบริษัทจะกำหนดทิศทางของบริษัทอย่างไร ทั้งในส่วนที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้และในอนนาคตข้างหน้า เริ่มต้นจากมองสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว มีผลกระทบหรือผลตอบแทนใดบ้างส่งผลต่อบริษัท ทั้งที่น่าจะส่งผลดีกับบริษัทถึงแม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตามที และมองให้ไกลตัวออกไปว่าในอนาคตบริษัทจะมุ่งไปในทิศทางไหน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำแผนในอนาคตต่อไป
1.2) Perception of past Success : ว่าด้วยเรื่องของการทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพขอการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลลัพธ์เดิมที่ส่งผลไม่ดีต่อบริษัทซึ่งอาจนำมาซึ่งวิกฤติได้ อาจกล่าวได้ว่าการหวนกลับไปดูข้อมูลที่ผ่านมาของบริษัทเป็นยิ่งกว่าการเริ่มต้นการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์
2) Firm Dybamics : ลักษณะของธุรกิจ ประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ
2.1) Comppettitor Orientation : การเข้ามาของคู่แข่งขันเป็นเรื่องสำคัญอีกประการที่บริษัทจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากการวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดเเข็งของบริษัท ทั้งนี้บริษัทสามารถใช้เทคนิคและวิธีการวิเคราะห์ตนเองและคู่แข้งขันควบคู่กันไป และนำไปสู๋การวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับบริษัท
2.2) Cultural Entrenchment : การสร้างวัฒนธรรมในการทำงาน เป็นสิ่งที่บริษัทมุ่งเน้นที่จะดำเนินการ เพื่อให้มีเกิดการร่วมมือและมุ่งสร้างความเเข้มแข็งของบริษัท หากบริษัทกำหนดทิศทางของบริษัทไม่ชัดเจนก็ย่อมส่งผลต่อการวางแผนได้เช่นกัน
2.3) Resource Richness : ความมั่งมีของทรัพยากรของบริษัท เป็นเป็นจัยที่ช่วยในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของบริษัท ส่วนใหญบริษัทส่วนใหญ่จะมุ่งใหัความสำคัญไปที่เรื่องของการจัดการทางการเงิน การบริหารจัดการเวลา ซึ่งต้องมีมากพอในช่วงเริ่มต้นก่อนการวางแผนที่ต้องสอดคล้องกับผลการดำเนินงานและผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
2.4) Anti-planning Political Behavior : นโยบายทางการเมือง เป็นอีกปัจจัยที่หากมีการเปลี่ยนแปลง หรือเกิดความขัดแย้ง อาจส่งผลให้แผนอาจหยุดชะงัก ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท และหากบริษัท
3) Envirinmental Factor : ปัจจัยด้สนสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ
3.1) Competitive Intensity : ความหนาแน่นในการแข่งขัน เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการวางแผนที่ต้องอาศัยการศึกษาข้อมูล แสวงหาโอกาสทางการแข่งขัน และหาเงื่อนไขที่ดีกว่า เพื่อนำมาวาแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่เหนือคู่แข่งขัน
3.2) Industry-wide Mindset : เปิดกว้างทางความคิดหรือเปิดรับสิ่งใหม่ ถือเป็นการสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงข้อมูลต่างที่ไกลตัวเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัท เป็นการลงทุนที่น้อยแต่สามารถสร้างความเข้มเเข็งให้กับบริษัทนำมาซึ่งการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรวบรวมข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ และในครั้งหน้า AppleWon จะมาขยายความต่อว่าเมื่อเราได้ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้มาแล้วจะมีกระบวนการหรือวิธีการจัดการกับข้อมูลที่ได้อย่างไร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านนะค่ะ
by AppleWon
เรียบเรียงโดย : นส.วรรณพรรณ รักษ์ชน (DBA04@SPU No.55560319)
1.2) Perception of past Success : ว่าด้วยเรื่องของการทบทวนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาบริษัทที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพขอการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลลัพธ์เดิมที่ส่งผลไม่ดีต่อบริษัทซึ่งอาจนำมาซึ่งวิกฤติได้ อาจกล่าวได้ว่าการหวนกลับไปดูข้อมูลที่ผ่านมาของบริษัทเป็นยิ่งกว่าการเริ่มต้นการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์
2) Firm Dybamics : ลักษณะของธุรกิจ ประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ
2.1) Comppettitor Orientation : การเข้ามาของคู่แข่งขันเป็นเรื่องสำคัญอีกประการที่บริษัทจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมนอกเหนือจากการวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดเเข็งของบริษัท ทั้งนี้บริษัทสามารถใช้เทคนิคและวิธีการวิเคราะห์ตนเองและคู่แข้งขันควบคู่กันไป และนำไปสู๋การวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับบริษัท
2.2) Cultural Entrenchment : การสร้างวัฒนธรรมในการทำงาน เป็นสิ่งที่บริษัทมุ่งเน้นที่จะดำเนินการ เพื่อให้มีเกิดการร่วมมือและมุ่งสร้างความเเข้มแข็งของบริษัท หากบริษัทกำหนดทิศทางของบริษัทไม่ชัดเจนก็ย่อมส่งผลต่อการวางแผนได้เช่นกัน
2.3) Resource Richness : ความมั่งมีของทรัพยากรของบริษัท เป็นเป็นจัยที่ช่วยในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของบริษัท ส่วนใหญบริษัทส่วนใหญ่จะมุ่งใหัความสำคัญไปที่เรื่องของการจัดการทางการเงิน การบริหารจัดการเวลา ซึ่งต้องมีมากพอในช่วงเริ่มต้นก่อนการวางแผนที่ต้องสอดคล้องกับผลการดำเนินงานและผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
2.4) Anti-planning Political Behavior : นโยบายทางการเมือง เป็นอีกปัจจัยที่หากมีการเปลี่ยนแปลง หรือเกิดความขัดแย้ง อาจส่งผลให้แผนอาจหยุดชะงัก ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท และหากบริษัท
3) Envirinmental Factor : ปัจจัยด้สนสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ
3.1) Competitive Intensity : ความหนาแน่นในการแข่งขัน เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการวางแผนที่ต้องอาศัยการศึกษาข้อมูล แสวงหาโอกาสทางการแข่งขัน และหาเงื่อนไขที่ดีกว่า เพื่อนำมาวาแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ที่เหนือคู่แข่งขัน
3.2) Industry-wide Mindset : เปิดกว้างทางความคิดหรือเปิดรับสิ่งใหม่ ถือเป็นการสร้างโอกาสในการเชื่อมโยงข้อมูลต่างที่ไกลตัวเรามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัท เป็นการลงทุนที่น้อยแต่สามารถสร้างความเข้มเเข็งให้กับบริษัทนำมาซึ่งการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรวบรวมข้อมูลที่จะนำมาใช้ในการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ และในครั้งหน้า AppleWon จะมาขยายความต่อว่าเมื่อเราได้ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้มาแล้วจะมีกระบวนการหรือวิธีการจัดการกับข้อมูลที่ได้อย่างไร และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านนะค่ะ
by AppleWon
เรียบเรียงโดย : นส.วรรณพรรณ รักษ์ชน (DBA04@SPU No.55560319)